วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ปุ่ม SOS ของเครื่องติดตามมีไว้ทำอะไร และ มีประโยชน์อย่างไร





ซอยที่ผมอยู่ใหม่ เป็นซอยที่ลดเลี้ยวเหมือนงูสะดุ้งคด ท้ายซอยอุดมด้วยขี้ยาทั้งหลาย จิ๊กโกํนั้นมีมากขนาดเดินเงาทับกันยังไม่ได้ เป็นมีเรื่องทันที แต่ดีที่ผมอยู่กลางซอย โอกาสจะถูกเหยียบด้วยความหมั่นไส์ในเส้นผมที่ยาวเหยียด ตัวโม่งๆ เดินหลังค่อมเหมือน อัล ปาชิโน เลยมีน้อย ก็อย่างว่าแหละห้องเช่าถูกๆจะให้อยู่ในกลางสวนสนุกได้ยังไง ไม่ใช่ส้วมสาธารณะนี่จะได้ตั้งได้ทุกแห่ง ผมจึงพยายามเดินให้สำรวมคล้ายพระจะบิณฑบาตเวลาผ่านหน้าเจ้าถิ่นทั้งหลาย เป็นการบอกใบ้ว่า ผมเป็นคนดีครับ มีด-ปีนไม่เคยพก จะมีก็ปลัดขิกอันเดียวซึ่งใช้ทำร้ายใครไม่ได้ นอกจากช่วยให้แคล้วคลาดบาทาของพวกพี่ๆ ทั้งหลายรันแรกที่ผมขนของเช้ามาอยู่ ผมเดินออกมาหาข้าวถูกๆกินก็ผ่านร้านตู้เพลง รัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ตัวขนาดหมาฝรั่งเบอร์แอลสี่ห้าคนกำลังเอ้ว...เฮ้ว...กับเสียงเพฺลง ทันใดนั้นพวกมันก็หยุดท่าเต้นที่เหมือนแย้ตะกายตึก หันมองผมเป็นตาเดียว พลางหันไปซุบซิบกันว่าใครวะ...ใครวะ...ผมทำหูทวนลมเดินไม่รูไม่ขี้ แต่ในใจภาวนาถาคาแคล้วคลาดสิบกว่าจบ ลักครู่ก็มีเสียงลอยลมมาว่า

“เฮ้ย...ผมยาวสวยดี น่าเอาไปเช็ดรองเท้าว่ะ" ฮา...(พวกมันไม่ใช่ผม) เพราะผมน่ะหูอื้อตั้งแต่ได้ยินประโยคแรกแล้ว ความคิดดีกันยุ่ง พยายามนึกถึงคาถาเดินเร็ว จนถึงกับอยากไปอีสาน หาอาจารย์ขอผ้ายันต์กันจิ๊กโก๋แชวทีเดียวจากนั้นก็มีคารมคมหอกตามระคายหู ผมนึกน้อยใจตัวเองรักเรื่อยเรื่เอย(ไม่งอก)  ที่ด้วใหญ่เหมือนควายฝรั่ง แต่ใจเท่าก้นมดลาว  เครื่องติดตามตัวจิ๋ว ทั้งที่พ่อผมนั้นเป็นนักเลงดัง ขนาดเดินผ่านคนบ้ายังแทบจะหายดีกิตติศัพท์ของพ่อเล่าเป็นวันๆ ก็ไม่จบ ครั้งหนึ่งพ่อเคยถือไม้ท่อนเดียวพร้อมพระอีกพวง ตามโจรลักควาย พ่อหายไปสองคืนก็กลับมาทั้งควายทั้งโจร เพียงแต่ควายเดินมาตามปกติแต่โจรคลานมา ทั้งที่พวกม้นมืปีนมีมืดครบมือ คราวนั้นพ่อผมดังทั้งตำบล พอๆ กับ เขาทราย แหละ เสียดายที่พ่อด่วนดัดช่องน้อยแต่พอตัวตายไปเสียก่อน มิฉะ‘นั้นเขาทรายก็เขาทรายเหอะ ต้องเรียกพ่อผมว่า“ลุง”แน่ (เพราะพ่อผมแก่กว่าไงครับ) แต่ผมไม่มีเลือดพ่อกระเซ็นกระสายอยู่เลยมีแต่เลือดกรุ๊ปใจอ่อน ที่ฑนเห็นการชกต่อยไม่ได้ ถ้าวิญญาณพ่อรู้คงเสียดายที่ผมทำให้เสียชื่อวงศ์ตระกูล ส่วน“ตา”ผมคนทั้งละแวกยกนิ้วให้เรื่องเสน่ห์ ตามีเมียห้าคน ยายผมเป็นคนสุดท้องชาวบ้านว่าตามีคาถาดี ซึ่งตรงนิ้ผมโกรธแค้นตัวเองมากที่สปีดเร่งให้คลอดออกมาไม่ท้นตา มิฉะนั้นผมคงไม่ต้องมาเดินแสวงหารักแท่ให้เมื่อยตุ้ม แค่เสกๆเป่าๆ ก็พาไปเป็นลูกสะใก้ได้เลย ผมก็คงได้ชื่อว่า“ขุนแผนคอนกรีต” gpsติดตามตัว แน่...แน่...ผมเดินเลือกร้านอาหารที่ดูดีหน่อย ที่มีแต่ผู้ใหญ่ ๆจิ๊กโก่นัอยๆ เพื่อจะได้ปลอดก้ยห้วกบาล จากนั้นก็เข้าไปนั้งสั่งข้าวผัดตามเคย คุณเอ๋ย...พอสาวน้อยที่ยกจานอาหารมาเสิร์ฟให้ผม ผมเห็นแล้วหัวใจก็หล่นไปที่ตาปลาก่อนจะวิ่งขึ้นสมองแล้วกลับไปอยู่ที่อกข้างซ้ายตามเดิม และที่ยิ่งกว่านั้น ความซาบขึ้งตอน วาสิษฐี เดาะคลีพลาด กามนิดรกเรื่อยเปอย(ไม่งอก)กระโดดเข้ารับไว้ทัน ยังไม่ประทับใจเท่ากับเมื่อมือผมกับมือเธอชนกันจนช้อนหล่น ผมอาศัยเชื้อบรรพบุรุษยุคแรกตอนใกล้จะพัฒนาเป็นคนแล้วคือ “ลิง” คว้ามาไวได้ทันห่วงทีเธอยิ้มอาย ๆก่อนจะขอโทษ ผมแทบจะยกถ้วยนํ้าปลาพริกซดแทนนั้าแข็งเปล่า เพราะใจลอย เนื่องจากตักข้าวผัดไป ก็เห็นแต่ดวงหน้าเธอ...ผมซอยสั้นๆ ดวงตายาวรีได้รูป หน้าเนียน'ขาวยิ่งกว่าทาแป้งมนสำปะหลังลอยเด่น ผมกินข้าวจนหมดจานไม่รู้ตัว ด้วยแรงแห่งความรักแรกพบ ผมสั่งข้าวผัดอีกจาน  เครื่องติดตามรถยนต์ ทั้งที่มันเกินกำหนดมื้ออาหารในแต่ละวัน ที่ผมเคยสาบานว่า จะไม่เห็นแก่กิน ไม่มืการกินเกินสองจาน ไม่ว่าจะอร่อยขนาดไหน นอกจากมืคนเลี้ยงหรือไปงานทำบุญงานศพหรือขึ้นบ้านใหม่ใคร ความรักท่าให้ผมลืมอุดมการณในการกินจนสิ้น ผมพยายามนึกถึงดวงตาของ สมศักดี้ ภักดี เวลาชม้อยตาให้แม่ยก แล้วจ้องมองเธออย่างนั้นบ้าง เธอเขินปิดปากหัวเราะเบาๆ...โว้ย...นักเขียนอย่างกูมีโอกาสพบรักแล้วโว้ยผมอยากตะโกนบอกคนให้สั้นร้าน เผื่อแผ่ให็ได้ยินทั้งสามโลกเพื่อจะได้ตระหนักในความรักที่เพิ่งเกิดกับผม ก่อนออกจากร้าน ผมหันไปยกมือไหว้เจ้าที่ที่ตั้งอยู่บนตรงบันไดเป็นการฝากเนื้อฝากตัวอีกครั้ง ก่อนจะเดินยิ้มกริ่มกลับบ้าน ไม่สนใจเสียงหมู-หมาที่ร้องแซว

เพราะความรักออกหูอื้อๆเป็นทำนอง“เขมรไทรโยค”แล้วผมประหยัดด้วยการสูบใบจากแทนบุหรี่กรองทิพย์เพื่อเอาเงินมากินข้าวที่ร้านเธอ อาศัยที่เธอค้าขายก็ต้องพูดดีกับลูกค้า ผมจึงขายขนมจีบเธอได้ครั้งละนานๆ ดูเธอก็เห็นรักเรื่อยเรื่เอย(ไม่งอก)  แก่นโยบายของชาติคือ ความสามัคคีคือพลัง ให้ความร่วมมืออย่างดี ความสัมพันธ์ของเราทำท่าจะราบรื่น ผมกำลังรอโอกาสจะชวนเธอไปเที่ยวข้างนอก ครั้งหนึ่งผมถามเธอว่า“ทำไมตีกับผมนัก”คำตอบของเธอทำให้หัวริดสีดวงผมแทบขยายด้วยความดีใจ

เครื่องดักฟัง

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

10 เทคนิคในการติดตามอย่างแนบเนียนที่สุด




เครื่องดักฟัง


ภาพยนตร์เรื่อง “เจเรไมห์ จอห์นสัน” (Jeremiah Johnson) ซึ่งแสดงโดยโรเบิร์ต เรดฟอร์ด เป็นตัวอย่างคลาสสิคของหลักการนี้ เจเรไมห์ออกจากสังคมที่ซับซ้อนในบอสตันในศตวรรษที่ 19 ไปอยู่อย่างโดดเดี่ยวในแดนเถื่อนบนภเขาในโคโลราโด การแยกตัวไปอยู่อย่างโดดเดี่ยว บังคับให้เขาต้องใช้เวลาตลอดทังวันๆ ไปกับการหาทางเอาชีวิตอยู่รอดแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เขาต้องทำเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มขึ้นมาเอง จับสัตว์มาเป็นอาหารเนื้อ ซ่อมแซมสิ่งต่างๆ ฯลฯเจเรไมห์ไม่ต้องการสังคมแต่เขาก็ไม,ได้สร้างคุณประโยชน์อะไรให้แก่สังคมด้วยเจเรไมห์เป็นเหมือนกับแบคทีเรียตัวหนึ่ง แม้เมื่อเขามีของที่จำเป็นที่จะหาได้ จากสิ่งแวดล้อมเพียงไม่กี่อย่าง แต่เขาก็ไม่มีเวลาสำหรับจะทำอะไรอย่างอื่นเลยนอกจากเอาตัวรอดไปวันๆมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชับซ้อนมากที่สุดในโลก ข้อด้อยของสมการนี้ก็คือว่าเรามีรายชื่อสารอาหารที่จำเป็นยาวเหยียดที่สุด แต่ส่วนดีก็คือว่า เรามีศักยภาพในการคิดและการเคลื่อนไหวกว้างขวางมาก เรามีโอกาสเจ็บป่วยล้มตายเพราะทุโภชนาการ

(หรือขาดสารอาหาร) มากกว่าแมลงสาบ แต่เราก็สามารถเต้นบัลเล่ต์และเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้ สาหร่ายเก่งกว่าเรา ในเรื่องการเอาชีวิตรอด แต่มนุษย์ก็มีดีมากกว่า ในเรื่องการเคลื่อนไหวและการคิดที่ซับซ้อนบทเรียนที่จะควรจะนำกลับไปคิดเป็นการบ้านในที่นี้ ก็คือความซับซ้อนของโภชนาการของมนุษย์    แน่นอนว่ามนุษย์มีความต้องการด้านสารอาหารมากมายหลายอย่างกว่าสิ่งมีชีวิตในรูปแบบที่ตากว่า  เครื่องติดตามตัวราคา เราอาจจำเป็นต้องได้รับสารบางอย่าง ที่พบเฉพาะในตับ (อย่างเช่นกรดไลโพอิคเipoic acid)หรือสาหร่ายทะเล (อย่างที่เป็นปัจจัยในการกระตุ้นการทำงานของต่อมไทรอยด์)  หรือผักสด (อย่างคลอโรฟัลและไบโอฟลาโวนอยด์) หรือกระเทียม (แอลลิชิน)เราจำเป็นต้องแยกแยะระหว่างความเป็นจริงกับสิ่งที่เราสังหรณ์    แต่ใจผมนั้นสังหรณ์ว่า คนบางคน เป็นมะเร็งเพราะความต้องการที่ซับซ้อนละเอียดอ่อนของร่างกายนั้น ไม่ได้รับการตอบสนอง ทั้งนี้ก็เพราะพวกเขารับประทานอาหารขยะที่มีการแปรรูปปรุงแต่งอย่างสูง สัญญาณโทรศัพท์มือถือ  ตามแบบฉบับของสังคมทางซีกโลกตะวันตกความแตกต่างระหว่างการประทังชีวิตไปวันๆกับการดำเนินชีวิตอย่างสมบูรณ์พูนสุขเคยมีมนุษย์รอดชีวิตมาได้ หลังจากที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะที่รถวิ่งด้วยความเร็ว 200 ไมล์ต่อชั่วโมง เคยมีมนุษย์รอดตายหลังจากที่ตกลงมาจากเครื่องบินโดยไม่มีร่มชูชีพที่ความสูงถึง 5 ไมล์ แล้วก็มีคนที่ไม่ตาย ทั้งๆที่ถูกยิงออกมาจากปากกระบอกปีนใหญ่ มีมนุษย์รอดตายหลังจากถูกทารุณกรรมอย่างไร้มนุษยธรรมระหว่างเป็นเชลยสงคราม ได้รับบาดเจ็บเพราะกระสุนปีนหลายนัด ถูกโลหะแทงผ่านทะลุศีรษะไป ขณะเดียวกัน แม้จะมีคนบางคน ที่ยังรอดตายมาได้ ทั้งๆ ที่สูบบุหรี่มาตลอดครึ่งศตวรรษ แต่ก็'ไม่มี'โครเลย ที่มีชีวิตอย่างสุขสบายด้วยการกระทำนี้ คนติดสุราสามารถทนกับสภาพการดำเนินชีวิตแบบฆ่าตัวตายนี้โด้นานนับสิบๆ ปี แต่ร่างกายและสมอง ก็เสื่อมโทรม และแก่ชราลงอย่างรวดเร็วไปด้วยพร้อมกัน การกระทำเสี่ยงตายที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ไม่ได้เป็นผลดีแก่ร่างกายของมนุษย์ แต่กระนั้น ก็มีบ่อยๆ ที่ความทรหดของเรานี่เอง ที่ทำให้เราไม่รู้ซึ้ง เราคิดเหมาเอาง่ายๆ ว่า อาหารที่มันไม,ได้ทำให้เราชักดิ้นซักงอตายไปในทันที จะต้องเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเรา แต่จริงๆ แล้วหาได้เป็นเซ่นนั้นไม่ภาพที่เป็นสถิติของคนอเมริกันทั่วๆ ไป เป็นสิ่งที่บ่งชี้ถึงความทรหดอดทนในการประทังชีวิตให้อยู่รอด ทั้งอ้วน ปีหนึ่งเป็นหวัด 6 ครั้ง มีความรู้สึกหดหู่ซึมเศร้าอย่างอ่อนๆ เรื้อรัง ท้องผูก อ่อนเปลี้ยไม่มีแรง ต้องใส่ฟันปลอมเมื่ออายุ 45 เมื่อถึงวัย 60 ก็ป่วยเรื้อรังต้องพึ่งยาชนิดต่างๆ 6 ชนิดเป็นประจำทุกวัน และเมื่อถึงวัย 70 กว่าๆ ก็ตายเพาะโรคหัวใจหรือมะเร็งทํ20ทั้งหมดนี้ไม่อาจถือว่าเป็นชีวิตที่เฟืองฟูได้ทั้งไม่ใช่แบบอย่างการดำเนินชีวิตอย่างที่“ดีที่สุด”    การที่ใครคนใดคนหนึ่งเป็นมะเร็ง ก็อาจจะเป็นดัชนีที่ชี้ชัดแล้วว่า“ความพยายามเอาชีวิตรอด” นั้น ได้เสื่อมทรามลงไปเป็นควมป่วยไข้    เราจำเป็นต้องมีชีวิตอย่างที่จะมีสุขภาพดีที่สุด และ

“เฟืองฟู” ที่สุดเสียก่อน มะเร็งจึงจะจากไป สุขภาพกับการดำเนินชีวิตที่ดี จะมีระดับสูงขึ้นสอดคล้องไปกับการบริโภคสารอาหารจนกระทั่งถึงระดับสูงสุดในแง่เภสัชกรรม คือเมื่อรับประทานเกินไปกว่านี้ มันจะกลายสภาพเป็นยาขอให้นึกถึงประโยชน์โดยส่วนเปรียบเทียบของการบริโภคฟอเสทเป็นประจำทุกวันo คนส่วนใหญ่ ดำรงชีวิตอยู่ได้โดยอาศัยฟอเสท สัญญาณกันขโมย 100 ไมโครกรัมo แผลจะหายเร็วขึ้นและสุขภาพโดยรวมดีขึ้น เมื่อรับประทาน 400ไมโครกรัมQ ความเสี่ยงที่สตรีมีครรภ์จะมีลูกที่มีความผิดปกติของท่อประสาท จะลดลงไต้มาก เมื่อรับประทาน 1000 ไมโครกรัมo สภาพก่อนจะเป็นมะเร็งที่คอมดลูกและปอด สามารถหายไปได้ เมื่อรับประทาน 20,000 ไมโครกรัมคนส่วนใหญ่ สามารถประทังชีวิตรอดมาไต้นานนับสิบๆ ปี ด้วยวิตามินอี 10 หน่วยสากล    แต่วิตามินอี 100 หน่วยสากล จะช่วยปรับปรุงความต้านทานของปอดต่อมลภาวะในอากาศและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจลงได้ในขณะที่ 800 หน่วยสากลนั้น ปรากฏว่า ช่วยเพิ่มระดับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายไต้อย่างมาก    มนุษย์สามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้นับสิบๆ ปีด้วยการรับวิตามินชีวันละ 10 มีลสิกรัม    แต่กระนั้น ผู้เชี่ยวชาญก็แนะน่าว่าถ้ารับประทานถึง 400 มิลสิกรัม จะทำให้มีสุขภาพดีขึ้น และเมื่อถึง 10,000 มิลสิกรัมจะช่วยต่อสู้กับโรคเอดส์  เครื่องติดตามรถยนต์ มะเร็งและไข้หวัดใหญ่ได้ ในการศึกษาที่รายงานในวารสารEpidemiology เมื่อเดือนพฤษภาคม 1992 ของนักวิจัยชื่อศาสตราจารย์ เอ็นสตอร์ม(Enstrom) ที่มหาวิทยาลัยแคสิฟอร์เนียที่ลอสแองเจลีส ระบุว่า การรับประทานวิตามินชีเสริมวันละ 300 มีลลิกรัม จะช่วยยืดอายุผู้ชายไต้ 6 ปีห็นได้ซัดว่า การบริโภคสารอาหารในระดับเพียงแค่ประทังชีวิตรอดไม่เพียงพอสำหรับคนไข้มะเร็ง การยกระดับคนไข้มะเร็งขึ้นจากการประทังชีวิตมาเป็นความเฟืองฟูจะช่วยปรับปรุงความสามารถของคนไข้ในการจัดการกับโรคได้โรคภัยไข้เจ็บฟ้นการปะทะกันระหว่างความอ่อนแอของพันธุกรรมกับการโจมตีของสิ่งแวดล้อม

เครื่องติดตาม