ก่อนหน้านั้นไม่กี่ปี ผมล้กับปลาช่อนตัวหนึ่งเกือบชั่วโมงกว่าจะ เอามันอยู่ ปลาช่อนตัวนั้นใหญ่มากครับพอๆ กับฃานี่แหละ ดูๆ จะเป็น โคตรปลาช่อน ปูปลาช่อนนี่น่ะ แล้วนํ้าก็สูงขนาดหน้าแข้ง เราปลุก ปลํ้ากันจนเหนื่อยกว่าผมจะตีได้ ปิอกเดียวภาพของปลาช่อนมันผุดขึ้น มาเอง เห็นชัดเจนเลยตอนผมถูกเตะแล้วผมก็หมดสติไป!พอหมดสติไป เครื่องช่วยฟังคล้องหู ตอนนั้นกะโหลกคืรษะมันแตก มันยุบแล้วไป กดประสาทมือเท้าทำให้มือลันเท้าลันตลอดเวลา ผมจำได้คลับคล้าย คลับคลารู้สึกเหมือนครงหลับครงตื่น เดี๋ยวไปเดี๋ยวกลับ เพื่อนต้อง ตบหน้าผมแรงๆ เวลาจะหลับผล็อยลงไป ยังนึกว่ามันตบหน้าทำไม มีเรื่องโกรธเคืองอะไร ช่วยฟังหูตึง แต่ที่จริงเขาตบให้เราคืนสติ หมอก็ผ่าตัด ผมก็ หมดสติไป 2 วันวันหลัง ผมทราบจากหนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวว่าผมตาย ตอนนั้นอายุ 25 ผมเกิดวันที่ 5 ธันวาคม ปี พ.ศ.2471 เบญจเพสพอดีนายอำอปชา ลาภานันต์ เล่าว่า เมื่อท่านทิ้เนขึ้นมาต้องอยู่ รักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ร่วมปีจึงออกจากโรงพยาบาลไต้ ท่าน บอกว่าหัวของผมมีแต่หนังใม่มีกะโหลก เพราะหมอฝาตัดเอาชิ้น กะโหลกที่แตกทิ้งไป หัวก็ม เวลาหายใจเข้าหายใจออกมันก็ยุบก็ พองเหมือนสมองเด็กอ่อน ผมก็มาปรึกษาคุณหมอว่าไม่ไหวละถ้าอยู่ อย่างนี้ผมไม่อยากอยู่ คืออยู่อย่างทุพพลภาพอย่างนี้อย่าอยู่ดีกว่า ก็เลยถามหมอว่าจะทำใหม่ให้ดีกว่านี้ได็ไหม หมอบอกว่าจะทำก็ได้’' พออีกปีถัดมานายอำ๓อปชาก็เข้าโรงพยาบาล ให้หมอผ่าตัดเยื่อแก้วหูเอากระดูกซี่โครงไปเลรมแทนกระดูกกะโหลกดีรษะที่ผ่าตัดทิ้งไปครั้งนี้นมีการฝาตัด 3 ราย รายหนึ่งเป็นได้ติง อีกรายเป็น กระเพาะอาหาร รายผมหนักกว่าเพื่อนคือฝาตัดกะโหลกกับซี่โครง ทุกรายนอนเรียงกัน ผมแทบจะทนไม่ไหว ไม'วันแรกก็วันที่ 2 ตายไป ทีละคน ส่วนผมหมดสติไปผมมีความประหลาดใจอยู่อย่างหนึ่งคือ ขณะผมปวดจนเกือบ ทนไม่ได้มันจะมีเสียงกระซิบที่หูว่า ช่วยฟังไร้สาย ‘พรีงนี้จะดีกว่าวันนี้' คล้ายๆ จะบอกให้ผมอดทนไว้เสียงกระซิบนี้จะบอกตลอดเวลา ความเจ็บปวดรวดร้าวสุด พรรณนา นัยน์ตาผมลืมด้างไม่กะพริบทิ้งวันทิ้งคืน บวมหมดทิ้งใบ หน้า ใครมาเยี่ยมไปเ[จักจนหมอต้องสะกดจิตบังคับ กว่าสุกนัยน์ตา จะกลอกกลิ้งได้ก็ใช้เวลาอยู่นานคุณหมอที่ผ่าตัดคือ คุณหมอลมาน มันตราภรณ์ ซึงนายอำ๓อ
เครื่องช่วยฟัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น