กันอยู่นั้น สมัยพ่านไม้ เมืองเดิม ก็มื เซ่น ตอนที่พันจบ นายพุฒ จีบแม่หญิงบัวเผื่อน ข้างทางแพร่งหน้าบ้าน ขุนรามเดชะ ที่พ่านเขียนว่า ขาดคำพันจบ บัวเผื่อน ก็ใจคอหวาดไหวยิ่งขึ้นกว่าเก่า เพราะเขาประคองมือ ชุดเครื่องช่วยฟัง ไปกอดไว้ แม้จะบอกเขาหรือวอนว่าผัดผ่อนอย่างไร อีก จักบ่ายเบี่ยงสะบัดมือ ก็หาอาจพ้นไปได้ไม่ เพราะ กิริยานั้นกลับจักเหมือนยิ่งยุนํ้าใจให้บุรุษแรงกล้าด้วย เสน่หา จนลืมคำตัวที่กล่าวไว้เองว่า สถานใกล้ทาง แล้วก็ได้ยินแต่เสียงร่วนสำรวลอยู่ด้วยกันนี่แหละ ขุนจำ พ่าน บัวเผื่อนแม่ปล่อยตัวให้เขาลวนลามได้ แม้แต่ข้างทางหลวงดังกล่าว พันจบ นายพุฒจีงไป นินทา'ให้พันฤทธิ้ เพื่อนฟังในกลางทัพเจ้าพระยา กำแพงเพชร ณ กลางทุ่งชายเคืองว่าบัวเผื่อนแม่ ข้าหลวงกระนั้นหรือ ข้าพเจ้าคงผูกพันเสน่หาแม่ถึง ออกเรือน ให้เป็นแม่เหย้าเอกภรรยาสิบไปกระนั้น หรือ เออ! พันฤทธิ้เอ๋ย แน่ะ ข้าพเจ้าจักบอกแต่โดย ตรงมิอำพรางเพื่อน คือว่า เมื่อพ่านแนะอิสตรีผู้นี้แก่ ข้าพเจ้า แลโดยรูปโฉมดักดิ้นางก็พึงใจแก่เราอยู่ เพราะคาดว่าเสมอแม่เรไร กระทั่งใกล้ชิดสนิทกันได้ เห็นนิสัย แลอ่านใจแม่ดั่งอักษรเขียนแล้ว พันจบก็ ละอายแก่พ่านนักด้วยบัวเผื่อนแม้จะสูงโดยสถานอื่น ทั้งตระกูลแลดักดิ้สมบัติหญิง มิได้กี่งของแม่เรไรท่าน เลยหากจะเปรียบกล่าวด้วยลักษณะมงคลก็ประหนี่งทาสแม่ดวงแขน้องท่าน แม่มองแต่ความรักเหลิง ซึ๋ง เพียงคำเกี้ยวโต้ตอบกันพอสนุกปากสำราญใจชั่วพัก หนึ่งที่พบกัน เหล่านี้ถือเป็นเอกลาภแล้ว..นั่นซี ถึงแม่เรไรเองก็เถอะ ถ้าเป็นกุลสตรีจริงก็คงไม่ ยอมให้ขุนคิกท่านขึ้นบ้านซํ้าแล้วซํ้าเล่า จนเสมาขุน ท่านกล้ากล่าวตอนทะเลาะกันว่าเป็น เมีย หรอกหือพูดให้จริงนาขุนจำ นา ไม่จะกลายเป็นใส่ร้าย ลูกเจ้าเหง้าขุน เขานำขึ้นฟ้องสุภาลาการละก็ เป็นฉิบ- หายกันใหญ่เซียวล่ะต้องไปฟ้องท่านไม้ เมืองเดิม กับ สุมทุม บุญเกื้อ ท่าน แล้วล่ะ เพราะท่านเซียนไว้หลายตอนเซ่นตอนหนึ่ง เสมาว่าเสมาขึ้นเรือนไต้ร่วมรักแลแม้คำหนึ่งก็มี ไต้กล่าวเล่าแก่ผู้ใดให้รู้ นึ่มีเพราะรัก เพราะคิดถึง ความหลังหริอ จึงเมื่อแม่มาเปลี่ยนนํ้าโจ เปลี่ยนกิริยา eradication of smallpox และลัญญาไปเสียเซ่นนี้ไยเล่าจักมิให้ผัวน้อยนํ้าใจ อีกตอนหนึ่งคราวที่ทำบุญตักบาตรนับญาติกันที กระท่อมของพ่อเฒ่ามั่นย่านป่าเหล็ก แลเสมาออก หลวงโจมจัตุรงค์ ก็ถือโอกาสร่วมทัพพีตักบาตรกับ เรไร แม่ข้าหลวงโดยถือวิสาสะก็กระซิบกล่าวกับเรไรว่าแลบัดนี้แม่ได้ตักบาตรกับออกหลวงโจมจัตุรงค์ตามสัญญาแล้วว่า มิได้เป็นขุนแกล้วขุนพล ก็จักมิกล่าว รักให้หมองใจ อ้า แม่เรไรสุดที่รักฉัน เพราะคำแม่ มิใซ่หรือ แลเพราะมานะของเสมานี้จรดอยู่แก่คำ นั้นที่จะปลุกตัวของตัวมิให้อายเพื่อน ก็เล่นคํกด้วย แกล้วหาญบันลือสนั่นอยุธยาแล้ว เป็นที่ประหม่าขาม แก่กองทัพหงสาวดี ซึ่งได้เคยเข้าประจันใกล้ จึงเอ่ย นามว่า ขุนคํก ทหารองค์เจ้าฟ้านเรศวรพระพุทธเจ้า อยู่หัวถึงเพียงนี้ต้องตามสัญญาแล้ว จักมิสมควรอีก หรือฯลฯ อันธรรมเนียมตักบาตรถือทัพพีนี้ร่วมกัน ช่วยฟังพกพา ทั้งหญิงชายก็เป็นพิธีหนี้งที่คู่บ่าวสาวเขาปลงใจออก เรือนอยู่กินกันแล้ว จึงเมื่อวันรุ่งก็ใส่บาตรตาม ประเพณี เครื่องช่วยฟังพร้อมสายชาร์จ ถึงแม้ว่าเรไรเจ้ามิได้ออกเรือนโดยเป็ดเผย นํ้าใจนางก็คงระลึกจดจำได้ว่า แม่ซ่อนสามีหนี้งไวัใน หัวใจคือ ออกหลวงโจมจัตุรงค์นี้ แลเพิ่งจะมาใส่บาตร เป็นพิธีซ่อนเสมือนวาสนาเรานี้จักใคร่ได้เสืยกันโดย หนทางทิพย์ มิมีผู้ใดจะรู้เรา(เล่ม ๔ หน้า ๔๒๕)ขุนคม ขุนจำ ท่านละเอียดเหลือแล้ว ทั้งคิดเล็กคิดน้อยมียอมละความ
เครื่องช่วยฟัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น